วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พระพุทธเจ้าพยากรณ์เรื่องอะไร?

 
ทรงพยากรณ์เฉพาะเรื่องอริยสัจสี่
“....ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า โลกเที่ยง นี้เท่านั้นเป็ นคำจริง คำอื่น
เป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ พระเจ้าข้า ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “โลกเที่ยง นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ”
ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า โลกไม่เที่ยง นี้เท่านั้นเป็ นคำจริ ง คำอื่น
เป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “โลกไม่เที่ยง นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็น
โมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า โลกมีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็ นคำจริ ง คำอื่น
เป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?
โปฎฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “โลกมีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็น
โมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า โลกไม่มีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็ นคำจริ ง คำ
อื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “โลกไม่มีที่สิ้นสุด นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่น
เป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ชีวะก็อันนั้น สรี ระก็อันนั้น นี้เท่านั้นเป็ น
คำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เท่านั้นเป็นคำ
จริง คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เท่านั้นเป็ น
คำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เท่านั้นเป็นคำจริง
คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก นี้
เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก นี้
เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก
นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก นี้
เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี
ไม่มีอีกก็มี นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มี
อีกก็มี นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัจจะที่ว่า ตถาคตภายหลังแต่ตาย แล้วย่อมมีอีก
ก็หามิได้ ไม่มีอีกก็หามิได้ นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่ว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้
ไม่มีอีกก็หามิได้ นี้เท่านั้นเป็นคำจริง คำอื่นเป็นโมฆะ” ดังนี้นั้น เป็นข้อที่ เราไม่
พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุอะไรเล่า ข้อนั้น ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ทรงพยากรณ์ ?
โปฏฐปาทะ ! เพราะเหตุว่า นั่นไม่ประกอบด้วยอรรถะ ไม่ประกอบ
ด้วยธรรมะ ไม่เป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย
ความคลายกำหนัด ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน,
เหตุนั้นเราจึงไม่พยากรณ์.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุอะไรเล่า เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงพยากรณ์ ?”
โปฏฐปาทะ ! ข้อที่เราพยากรณ์นั้นคือ นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดทุกข์,
นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุอะไรเล่า จึงทรงพยากรณ์ ?”
โปฎฐปาทะ ! เพราะเหตุว่า นั่นประกอบด้วยอรรถะ ประกอบด้วยธรรมะ
เป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด
ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงพยากรณ์.
- สี. ที. ๙/๒๓๒-๒๓๓/๒๙๒-๒๙๓.

ถ้ามัวรอให้รู้เรื่องที่ไม่จำเป็ นเสียก่อน ก็ตายเปล่า
มาลุงก๎ยบุตร ! ตถาคตมิได้พูดกะท่านว่า ท่านจงมาประพฤติพรหม-
จรรย์ในสำนักเรา เราจักพยากรณ์แก้ความเห็น ๑๐ ประการ๑ แก่ท่าน และทั้ง
ท่านก็มิได้พูดไว้กะเราว่า ข้าพระองค์จักประพฤติพรหมจรรย์ ในสำนักพระผู้มี-
พระภาคเจ้า, พระผู้มีพระภาคเจ้าจักพยากรณ์แก้ทิฏฐิความเห็น ๑๐ ประการแก่ข้า
พระองค์. เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่า โมฆบุรุษ ! ที่จักบอกคืนพรหมจรรย์แก่
ใคร. มาลุงก๎ยบุตร ! ถึงใครกล่าวว่า เราจักยังไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ใน
สำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า จนกว่าพระองค์จักแก้ปัญหาทิฏฐิ ๑๐ แก่เราเสียก่อน
ก็ตาม ตถาคตก็ไม่พยากรณ์ปัญหาทิฏฐิ ๑๐ นั้นอยู่นั่นเอง และเขาก็ตายเปล่า
โดยแท้.
มาลุงก๎ยบุตร ! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ถูกลูกศรอันกำซาบด้วย
ยาพิษอย่างแรงกล้า มิตรอมาตย์ ญาติสาโลหิต จัดการเรียกแพทย์ผ่าตัดผู้ชำนาญ.
บุรุษนั้นกล่าวเสียอย่างนี้ว่า เรายังไม่รู้จักตัวบุรุษผู้ยิงเราว่าเป็นกษัตริย์ พราหมณ์
เวสส์ ศูทร ชื่อไร โคตรไหน ฯลฯ ธนูที่ใช้ยิงนั้นเป็นชนิดหน้าไม้ หรือ
เกาฑัณฑ์ ฯลฯ (เป็นต้น) เสียก่อนแล้ว เรายังไม่ต้องการจะถอนลูกศรอยู่เพียงนั้น.
มาลุงก๎ยบุตร ! เขาไม่อาจรู้ข้อความที่เขาอยากรู้นั้นได้เลย ต้องตายเป็นแท้ !
อุปมานี้ฉันใด ; อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน, บุคคลผู้กล่าวว่า เราจักยังไม่
ประพฤติพรหมจรรย์ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า จนกว่าพระองค์จักแก้ปัญหา
ทิฏฐิ ๑๐ แก่เราเสียก่อน, และตถาคตก็ไม่พยากรณ์ปัญหานั้นแก่เขา เขาก็ตาย
เปล่า โดยแท้ ...
มาลุงก๎ยบุตร ! ท่านจงซึมทราบสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ไว้ โดยความ
เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. ซึมทราบสิ่งที่เราพยากรณ์ไว้ โดยความเป็นสิ่งที่
เราพยากรณ์. อะไรเล่า ที่เราไม่พยากรณ์ ? คือความเห็นสิบประการว่า โลก
เที่ยง ฯลฯ (เป็นต้น) เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ ฯลฯ. มาลุงก๎ยบุตร ! อะไรเล่า
ที่เราพยากรณ์ ? คือสัจจะว่า “นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความ
ดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ;”
ดังนี้ : นี้เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. เหตุใดเราจึงพยากรณ์เล่า ? เพราะสิ่ง ๆ นี้
ย่อมประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ เป็นไปพร้อมเพื่อความ
หน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม
และนิพพาน.
- ม.ม. ๑๓/๑๔๗,๑๕๑/๑๔๙ - ๑๕๐,๑๕๒.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น